พจน์ อานนท์ : เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะสำหรับผู้กำกับหนังชื่อดังอย่าง พชร์ อานนท์ ที่โหมงานหนักจนนอนไม่หลับติดต่อกันมาหลายเดือน เมื่อมีเพื่อนแนะนำให้ลองหยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้นช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับได้ แทนที่อาการจะดีขึ้น กลายเป็นว่าล่าสุด (25 มิ.ย.62) เจ้าตัวออกมาโพสต์ว่ามีอาการเวียนหัว อาเจียน หายใจไม่ออกจนต้องนำส่งโรงพยาบาล หมดค่ารักษาไปเหยียบแสน
ทางด้านชาวเน็ตที่ทราบข่าว
ามาโพสต์ข้อความให้กำลังใจผู้กำกับกันเต็มหน้าเฟซบุ๊ก บางส่วนได้เข้ามาให้คำแนะนำเรื่องการรักษาด้วยน้ำมันกัญชาว่า กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ควรใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น และควรหาซื้อมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ข้อหาที่เขาหยิบยกให้เรา เรามีอะไรอยากจะบอกหรือเคลียร์บ้างไหม ?
“อย่างที่หนูเคยพูดไปนะคะ มันก็เป็นความรักของคนสองคนมากกว่า ถ้าหากคนสองคนเขารักกันจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับมือที่สามหรือมือที่สี่หรอก และตัวหนูกับพี่ตูมตามเราสองคนก็เป็นแค่พี่น้องกัน มันไม่ได้มีอะไรเกินเลยขนาดนั้นเลย”
แต่ภาพถ่ายที่ออกมาในช่วงที่มีข่าวก็ทำให้หลายคนคิดไปไกล ?
“สำหรับรูปหนูต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่มันไม่เหมาะสม ต้องขอโทษทั้งแฟนๆ ฝั่งไทยและฝั่งลาวด้วย หนูต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ที่หนูทำตัวไม่เหมาะสมแบบนั้น คือ…มันเหมือนกับช่วงแรกๆ ที่เขาเลิกกัน และหนูกับพี่ตูมตามเราก็แบบมีความสัมพันธ์ที่มันเกินเลยนิดหน่อย แต่มันเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่นั้นเองค่ะ แต่ว่าตอนนี้เราก็เป็นพี่น้องกันปกติ ไม่ได้มีอะไรเลย”
แสดงว่าช่วงที่ตูมตามเลิกกับญิ๋งญิ๋ง เราทั้งคู่ก็ได้มีโอกาสลองศึกษากัน ?
“มันไม่ได้ถึงขั้นว่าลองศึกษาหรอกค่ะ มันเหมือนกับเป็นพี่น้องมากกว่า แต่รูปภาพที่เห็นมันอาจจะเกินเลยไปเพราะความที่เรายังเด็ก และเราเองก็เพิ่งจะเข้ามาในวงการใหม่ๆ บวกกับช่วงนั้นจิตใจเราก็อ่อนแอด้วย เพราะหนูมาอยู่ที่กรุงเทพตัวคนเดียว ไม่มีคนรู้จัก รวมถึงตัวพี่ตูมตามเขาเองก็อ่อนแอเนื่องจากเพิ่งเลิกกับแฟนมา มันเหมือนคนอ่อนแอทั้งสองคนได้มาอยู่ใกล้กัน มันก็เลยเกิดความหวั่นไหวนิดหน่อย แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ คือสั้นมากๆ ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ มันก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่ เพราะเราสองคนเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ”
เรายืนยันว่าช่วงที่ต่างคนต่างหวั่นไหว ตอนนั้นเราต่างก็โสดด้วยกันทั้งคู่ ?
“คือจริงๆ หนูมีแฟนอยู่แล้วค่ะ แต่ว่าหนูมีปัญหากับแฟนในช่วงนั้นพอดีเพราะเราไม่เคยห่างกัน ซึ่งการที่หนูมาทำงานที่เมืองไทยมันทำให้เราคุยกันน้อยลง และตัวหนูเองก็งอแงด้วยเพราะหนูอยากได้กำลังใจ ส่วนพี่ตูมตามเขาเองก็อ่อนแอ อย่างที่บอกมันเหมือนคนอ่อนแอสองคนมาอยู่ด้วยกันมากกว่าค่ะ”
ตอนที่มีข่าวนี้ออกมาเรากับพี่ตูมตามได้พูดคุยกันบ้างไหม ?
“ตอนที่มีข่าวมันเป็นช่วงที่เราไม่ได้คุยกันแล้วค่ะ ถ้าพูดไปมันก็เหมือนว่าหนูเป็นคนผิด แต่หนูก็ต้องขอโทษพี่ญิ๋งญิ๋ง รวมถึงขอโทษทุกๆ คนด้วยเหมือนกันที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และก็ถามว่าได้คุยกับพี่ตูมตามไหม เอ่อ…คือมันจะเป็นในลักษณะของการให้กำลังใจกันมากกว่า เพราะหนูเองก็ไม่เคยเจอกับข่าวแบบนี้มาก่อน”
ถ้าหากได้มีโอกาสเจอกับ ญิ๋งญิ๋ง เราจะยังสามารถเข้าไปคุยหรือเข้าไปทักทายพี่เขาได้อยู่ไหม ?
“คุยได้ค่ะ จริงๆ หนูอยากเข้าไปขอโทษพี่เขาด้วยที่เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ อีกอย่างเราทั้งคู่ก็เป็นผู้หญิง หนูค่อนข้างเข้าใจพี่เขามากๆ และหนูก็ต้องขอโทษพี่เขา ณ ตรงนี้ด้วยนะคะ”
เราได้บทเรียนอะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง ?
“หนูได้บทเรียนเยอะเลยค่ะ บทเรียนครั้งนี้มันสอนให้น้ำเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และคิดมากขึ้นว่าสิ่งที่เราทำมันจะส่งผลกระทบกับใครได้บ้าง”
เคยคิดไหมว่าข่าวในวันนั้นมันอาจทำให้งานในวงการบันเทิงของเราที่เมืองไทยดับลง ?
“คิดค่ะ แต่พอเรากลับมาถามตัวเองว่า สิ่งที่เป็นข่าวนั้นเราได้ทำมันจริงไหม เราทำมันจริงหรือเปล่า คือเราทบทวนกับตัวเองตลอด แต่ก็อย่างที่หนูบอกว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ มันแค่เป็นความผิดพลาดของหนูมากกว่าที่ไม่เข้มแข็งพอในเวลานั้น อันนี้เป็นความผิดของหนูค่ะ หนูยอมรับ รวมถึงหนูต้องขอโทษแฟนของหนูด้วย (น้ำตาซึม) ก็อยากให้ทุกคนให้โอกาสหนูค่ะ”
ตอนนี้สถานะของเรากับแฟนเป็นยังไง ?
“เราเลิกกันแล้วค่ะ”
เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ด้วยไหม ?
“ด้วยค่ะ…”
ถามจริงๆ สภาพจิตใจของเรา ณ เวลานี้เป็นยังไง ?
“เอ่อ…มันก็ต้องแบ่งเป็นสองเรื่องนะคะ คือถ้าเป็นเรื่องงานสภาพจิตใจก็ดีขึ้นค่ะ แต่ถ้าเรื่องแฟนก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับค่ะ”
แสดงว่าหลังจากนี้เราก็ยังไม่พร้อมเปิดใจให้กับใคร ?
“อีกนานเลยค่ะ น่าจะอีกหลายปี หนูอยากให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อน ขอให้สภาพจิตใจเราดีขึ้นก่อน”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป